เลขาธิการ คปภ. นำทัพประกันภัยไทยเปิดโลกทัศน์ใหม่บนเวทีโลก ในการประชุม “2024 NAIC International Forum” ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
เลขาธิการ คปภ. นำทัพประกันภัยไทยเปิดโลกทัศน์ใหม่บนเวทีโลก ในการประชุม “2024 NAIC International Forum” ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา
นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า
เมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีโอกาสนำคณะผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(สำนักงาน คปภ.) เข้าร่วมการประชุมประจำปีนายทะเบียนประกันภัยของประเทศสหรัฐอเมริกา (2024 NAIC International Insurance
Forum) ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งการจัดประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีให้หน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยและบริษัทประกันภัยระดับนานาชาติได้แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมประกันภัย
โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานกำกับดูแลภาคการเงินและธุรกิจประกันภัยจาก 56
มลรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกาเข้าร่วม
พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานวิชาการด้านการประกันภัยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
อาทิ สมาคมผู้กำกับดูแลธุรกิจประกันภัยนานาชาติ (The International
Association of Insurance Supervisors: IAIS) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(International Monetary Fund: IMF) European Insurance and Occupational
Pensions Authority (EIOPA) ผู้แทนจากหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยจากประเทศไอร์แลนด์
ประเทศอังกฤษ ประเทศเบลเยียม ประเทศโมร็อกโก
ประเทศอาร์เจนตินา และประเทศไทย
ตลอดจนผู้แทนจากสมาคมและหน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและจากภูมิภาคต่าง
ๆ ทั่วโลก จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่สำนักงาน คปภ. จะได้รับทราบข้อมูล
รวมทั้งแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับธุรกิจประกันภัยของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านผลกระทบของความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมเชิงมหภาคที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจประกันภัยในอนาคต
เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับบริบทของประเทศไทยอย่างเหมาะสม
ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของประเทศไทย
ในโอกาสนี้ เลขาธิการ คปภ. ได้รับเกียรติจาก National
Association of Insurance Commissioners (NAIC)ให้ร่วมกล่าวปาฐกถาพิเศษภายใต้หัวข้อ
“การระบุช่องว่างความคุ้มครองด้านการประกันภัยในประเทศไทย”
โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า
ความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งความไม่แน่นอน หรือที่เรียกกันว่า V-U-C-A
World ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อภูมิทัศน์ของภาคธุรกิจประกันภัยไทย
โดยได้ยกตัวอย่างความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่ทั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
ภัยธรรมชาติ และโรคอุบัติใหม่ การเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่พึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น
ความผันผวนของสภาวะเศรษฐกิจ และความท้าทายที่ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
โดยฉายภาพความท้าทายที่สำนักงาน คปภ.
เห็นว่าเป็นปัจจัยหลักในการส่งเสริมและผลักดันให้ธุรกิจประกันภัยมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
ประกอบด้วย ประชาชนขาดความรู้ความเข้าใจด้านการประกันภัย
ประชาชนไม่มีการวางแผนทางการเงิน
และข้อจำกัดด้านรายได้ส่งผลต่อการเข้าถึงประกันภัย
ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลโดยตรงต่อการเข้าถึงการประกันภัยของประชาชนทำให้เกิดเป็นช่องว่างความคุ้มครองด้านประกันภัย
(Protection Gap) ในประเทศไทย
ซึ่งสำนักงาน คปภ.
ตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการประกันภัย
เพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้มีความมั่นคง ทนทาน
พร้อมรับมือกับความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลง
ในอนาคต โดยที่ผ่านมา สำนักงาน คปภ. ได้มีการดำเนินการที่สำคัญ
เพื่อลดช่องว่างในการเข้าถึงประกันภัยของประชาชนผ่านมาตรการที่สำคัญ อาทิ
การประกันภัยพืชผล การประกันภัยรายย่อย (Microinsurance) และการประกันภัยสุขภาพผู้สูงอายุ
ซึ่งล้วนแล้วแต่มุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงให้แก่ประชากรในกลุ่มที่มีความเปราะบาง
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า
ปัจจุบันธุรกิจประกันภัยโลกกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงรูปแบบใหม่
ๆ ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง สภาวะโลกร้อน
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
ระบบเศรษฐกิจและการเงินของโลกที่ผันผวน
รวมถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีแบบก้าวกระโดด ซึ่งสำนักงาน คปภ.
ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยต้องมีการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยในภูมิภาคต่าง
ๆ เพื่อให้สามารถปรับตัวและนำเอากลยุทธ์ที่ทันต่อเหตุการณ์มาใช้ในการกำกับ
ดูแล และส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยให้มีความเข้มแข็ง และยั่งยืน
ซึ่งการประชุมนายทะเบียนประกันภัยของประเทศสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้
นับได้ว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการพัฒนาความร่วมมือระหว่างสำนักงาน คปภ.
และหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของแต่ละมลรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนอกจากการประชุมดังกล่าวแล้ว
ตนยังได้มีโอกาสประชุมหารือเป็นการส่วนตัว (Bilateral Meeting) ร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของรัฐนิวยอร์ก (New York
Insurance Department) และสำนักงานของ NAIC ประจำรัฐนิวยอร์ก
(Capital Markets & Investment Analysis Office) เพื่อจะได้นำเอาองค์ความรู้มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อภาคธุรกิจประกันภัยของประเทศไทยต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น